อ่านช่าบ่น: เซนเซอร์ชิปในคราบ "ปกป้อง" สิทธิ & Collective Shout


ปกติเวลาเราเจอกันในเว็ปนี้ก็จะเป็นเรื่องรีวิวซักส่วนใหญ่ แต่วันนี้ช่ามาแปลกนิดนึง เพราะว่าช่ามองว่าเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นในวงการเกมตอนนี้มันเป็นเรื่องที่ใหญ่พอสมควร
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาหลายๆ ท่านก็คงจะเห็นโพสของ Vice เกี่ยวกับกลุ่ม non-profit ออสเตเลียที่มีชื่อว่า Collective Shout รวมตัวกันกดดันทางผู้ประมวลผลการชำระเงินยักษ์ใหญ่อย่าง Visa และ MasterClass ให้กดดันร้านค้าเกมออนไลน์ชั้นนำอย่าง Steam ถอดเกม “ที่มีเนื้อหาไม่เหมาะสม” ออกจากการขาย

ถ้ามองผ่านๆ จากภายนอกก็อาจจะมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดี เพราะว่า Steam ก็มีปัญหาเรื่องการ moderate เกม จนกลายเป็นเรื่องใหญ่โตและพูดถึงในสภาสหรัฐอเมริกา ด้วยการที่ Steam นั้นให้แพลตฟอร์มกับการขายเกมที่มีตอนเท้นต์ล่อแหลมและส่งเสริมการกระทำที่ผิดกฏหมายอย่างเช่นการข่มขืน หรือแม้กระทั่งปลุกระดมกระแสคลั่งผิวขาว (White Nationalism) และ Neo-Nazism ที่เป็นที่น่ากังวลและยุยงส่งเสริมการก่อการร้ายแบบการกราดยิงอีกด้วย มันก็ปฏิเสธไม่ได้ที่ Steam นั้นมีปัญหาเรื่องนี้จริง แต่ทว่าเรื่องนี้มันมีนัยยะที่ลึกกว่านั้นเพราะความเป็นมาของ Collective Shout มันก็น่ากลัวไม่แพ้กัน
Collective Shout คือใคร? แล้วทำไมการกระทำครั้งนี้มันถึงน่ากลัว
ที่รับเงินจากทางองค์กร Evangelical Christian ต่างและได้ขึ้นชื่อเรื่องการล็อบบี้เพื่อเซนเซอร์สื่อในนามของ “feminism” ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว องค์กร Collective Shout นั้นถือว่าเป็นองค์กรที่สนับสนุนความคิดขวาจัดอย่างสุดขีด มีธงเป็น anti-abortion, anti-transgender และ anti-gay และอยู่เบื้องหลังของกระแส “ต้าน Woke” หลายๆ อย่าง
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับ Melinda Tankard Reist ผู้ก่อตั้งองค์กรเสียก่อน เมื่อปี 2005 เธอกได้ก่อตั้ง Women’s Forum Australia เพื่อที่จะโจมตีเรื่อเพศศึกษาในโรงเรียน การทำแท้ง ทฤษฎีสมคบคิดเกี่ยวกับสัญญาณ Wi-Fi และ 5G และยังเป็นกลุ่มต่อต้านสิทธิคนข้ามเพศที่ใหญที่สุดในออสเตเลียอีกด้วย ผ่านการโทรรบกวนหรือปะทะกับพนักงานตามห้างสรรพสินค้าที่ขาย products ที่รณรงค์เรื่องดังกล่าว แถมโพสของเธอในแอค Twitter ส่วนตัว มีการเหยียดผิวสีและเหยียดเพศอย่างยิ่ง เธอจะโพสด้อยค่า sex-workers, คัลเจอร์คนผิวดำ และสิทธิของคนในคอมมิวนิตี้ LGBTQ+ อยู่บ่อยๆ
แต่สิ่งที่มันน่าจะเป็นเรื่องที่ใหญ่ที่สุดที่เธอและกลุ่ม Collective Shout ของเธอทำก็คงไม่พ้นกับการที่ทำให้แร็ปเปอร์ชื่อดังอย่าง Tyler, the Creator เข้าประเทศออสเตเลียไม่ได้ถึง 6 ปี ด้วยการล็อบบี้รางกฏหมายกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรขวาจัดอย่าง Alex Hawke ซึ่งนำไปสู่การที่กลุ่มเธอพยายามที่จะทำเช่นนี้กับแร็ปเปอร์ผิวสีท่านอื่น รวมถึงตำนานสายเขียวอย่าง Snoop Dogg ด้วย

ซึ่งกลุ่ม Collective Shout ก็ไม่ได้หยุดอยู่แค่นี้ เพราะก็ได้พยายามแบนเกมขึ้นหิ้งอย่าง Grand Theft Auto V โดยเหตุผลที่ว่าเกมนั้นสงเสริมให้ฆาตกรรมผู้หญิง ทำให้ Target และ Kmart ห้างดังในออสเตเลียต้องเลิกขาย หรือแม้กระทั่ง Detroit: Become Human ด้วยเหตุผลว่ามีความรุนแรงต่อเด็กและสตรี
รอบนี้ทาง Collective Shout ก็ได้ตั้งทีมโทรไปหา MasterCard และ VISA ถึง 1000 สายต่อชั่วโมงเพื่อที่จะกดดันทางสองบริษัทยักษ์ใหญ่กดดันทาง Steam และ itch.io ถอดเกมที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความรุนแรงทางเพศออก แต่ถว่า ดูเหมือนว่าลิสที่ทาง Collection Shout กดดันนั้น มันมีเกมนอกเหนือจากเกมจำพวกนี้นะสิ
itch.io เกมอินดี้ และคน LBGTQ+
เพราะว่าเกมที่มันโดนลบไปด้วยกับการกดดันครั้งนี้ ดั้นเป็นเกมที่ไม่มีคอนเท้นท์ NSFW แต่เป็นเกมที่มีคน LGBTQ+ อยู่ในนั้น มันก็ต่อเนื่องกับสิ่งที่ Collective Shout และ right-wing think tank ต่างๆ พยายามทำมาตลอด 5-6 ปีนี้ อย่างการที่มีการโจมตีสิทธิของคนข้ามเพศหรือทำให้การเป็นคนที่ไม่ตรงอัตลักษณ์เป็นเรื่องผิดกฏหมาย โดยอ้างว่ามันเป็นเรื่อง pornographic หรือโป๊นั้นเอง

วันนี้ สิ่งนั้นก็เกิดขึ้นแล้วกับการที่ itch.io ได้กวาดเกมทั้ง NSFW และเกมที่มีธีม LGBTQ+ ทั้งๆ ที่ไม่มีสิ่งล่อแหลม ส่งผลให้กับ content creator เล็กๆ หลายท่าน ที่ต้องยุติการขายผลงานของตนเองอย่างฉับพลัน

ความตลกร้ายก็คือ itch.io หากินกับเกมอินดี้และเกม NSFW เล็กๆ งบน้อยทั่วไปและตัวบริษัทก็ได้ PR โดยใช้เรื่องนี้เป็นจุดขายของเว็ปตัวเองอยู่หลายครั้ง

ถึงแม้ว่าจะเคยมีการเขียนถึง itch.io และปัญหานี้ในปี 2022 ที่คุณ Ava Valens ก็เคยเขียนไว้ในปี 2022 ว่า “เมื่อไหร่ itch.io มีเงิน พวกเค้าก็จะพร้อมทิ้งคนตัวเล็กที่พยายามทำคอนเท้นท์ประทังชีพเมื่อนั้น”
อำนาจของ Payment Processors
ส่วนตัวแล้วช่าว่ามันน่ากลัวมาเลยถ้าบริษัทบัตรเครดิตมีอำนาจขนาดนี้จากการรับเงินล็อบบี้หรือยอมแรงกดดันของกลุ่ม Evangelical บ่อยๆ เหมือนที่ในปี 2018 ถึง 2021 ตัว Mastercard เองก็ได้ทำให้การเป็น sex worker ในแพลตฟอร์มออนไลน์ยากขึ้น นอกเสียจากว่ามันจะผ่านบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีคดีถึงการค้ามนุษย์ มันก็หดหู่มากที่จะอ่านหัวข้อพวกนี้ หรือการที่ MasterCard และ Visa ยังโอเคกับการโอนเงินให้กับกลุ่ม Ku Klax Klan หรือขบวนการ Neo-Nazi ที่ชาตินิยมผิวขาว ซึ่งก็ตลกดีที่เกมคน LGBTQ+ เริ่มโดนซ่อนวันนี้ แต่ content ต่างๆ ที่ดันความคิดเกลียดชังสุดโต่งก็ยังคงอยู่
Tasha’s Thoughts
ตอนนี้บทความของ Vice ที่เขียนโดยคุณ Ana Valens นั้นได้โดนลบไปเสียแล้ว หลังจากที่เธอโดนกดดันจากทาง Savage Ventures ที่เป็นเจ้าของบริษัท Vice อีกที ทำให้พนักงานฝ่ายเขียนหลายๆ คนได้ยื่นหนังสือลาออกจาก Vice เพื่อแสดงจุดยืนและต่อต้านความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้นครั้งนี้ แต่ก็ยังดีที่มันคนเก็บไว้ทัน ถึงแม้ทาง Vice จะตามลบก็เถอะ

ช่ามองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นหลายๆ วันที่ผ่านมาเป็นแค่จุดเริ่มต้นในการที่จะเซ็นเซอร์อะไรก็ได้ตามใจกลุ่มที่มีอิทธิพลและเม็ดเงินที่หนา โดยเฉพาะในโลกตอนนี้ที่พยายามยัดข้อครหาให้คนกลุ่มน้อย ไม่ว่าจะเป็นชาว LGBTQ+ คนผิวสีในประเทศตะวันตกหรือแม้กระทั่งแรงงานในไทยที่มาจากต่างแดน
อีกอย่างคือเราจะให้บริษัทใหญ่ตัดสิ้นใจจริงหรือ ว่าอะไรดีไม่ดี ควรไม่ควร ด้วยเฉพาะการที่ได้รับเงินมาจากกลุ่มนึง มาปิดกั้น art ของคนอีกกลุ่มนึง
วันนี้ Queer Content ที่มีความ vanilla โดนอุ้มหาย แต่วันหน้ามันจะเป็นเกมหรือสื่ออะไร ก็น่าคิด

สิ่งที่หดหู่ที่สุด คือคนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มเดียวกันที่เชียร์หนัง exploitative เด็กหญิงสาวเรื่อง Cuties ที่โดนประณามการ hypersexualize เด็กอายุ 9-12 ขวบ ก็คือกลุ่มเดียวที่เรียกคนที่หาว่าคนแตกต่างเป็นเปโดใคร่เด็ก
The Cruelty is the Point ของคนกลุ่มนี้ และช่าก็ขอประณามการกระทำครั้งนี้ของทั้ง itch.io และ Steam