เพิ่งเล่นจบ #25: Wuchang: Fallen Feathers


จุด "เกิด" ของความอยากเล่น
เมื่อปีที่แล้วในช่วงฤดูร้อนของเมืองนอก แน่นอนว่ามันเป็นเวลาของเทศกาลโชว์เกมต่างๆ ไม่ว่าจะ Summer Game Fest เอยที่ได้ฆ่า E3 ไปอย่างเรียบร้อย (Geoff Keighley เราจับตามองนายอยู่) หรืองานที่ publishers ยักษ์ใหญ่จัดเองเพราะถือว่า “ฉันใหญ่ของฉันอยู่แล้ว ฉันจัดงานตัวเองก็ได้ย่ะ” อย่าง Xbox Showcase 2024 ที่บอกได้เลยว่าทำให้หลายๆ คนนั้นเซอร์ไพรส์ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัวของการกลับมาของเกมขึ้นหิ้งอย่าง Gears of War E-Day และ Perfect Dark (โดน cancel ไปซะแล้ว) โชว์เคส Clair Obscur: Expedition 33 หรือแม้กระทั่ง Fable เป็นที่ฮือฮาทั้งแง่บวกและลบ (แล้วแต่ความหลอนของตัวบุคคลแท้ๆ) แต่ว่ามันมีอยู่เกมนึงที่ตัวช่าเองและอีกหลายๆ คนอาจจะมองข้ามไปหรือไม่ได้สนใจอะไรมากนักอย่าง Wuchange: Fallen Feathers ที่อยู่ดีๆ ก็โผล่มาในงานนี้หลังจากที่เดโม่ 18 นาทีได้ถูกอัปโหลดในช่อง YouTube ของทีมงาน Leenzee ที่ได้รับกระแสลบเป็นอย่างมากในปี 2021

ด้วยความที่เกมแนว soulslike มันก็เต็มตลาด แถมกระแสเกมพี่จีน (หรือธีมจีน) มันก็เกลื่อนตลาด มันก็ทำให้หลายๆ คนอาจจะรู้สึกอิ่มตัว การที่ Wuchang: Fallen Feathers ถึงแม้ว่าจะอยู่ในช่วงพัฒนาก่อนชาวบ้านเค้า ต้องมาตีตลาดที่ saturated แล้วก็เป็นเรื่องที่ยาก ถึงแม้ในตัวอย่างนั้นจะดูเท่ระเบิดเพียงใด การมีกระบวนท่ากำลังภายในกับ choreography เท่ๆ ก็ไม่ได้ทำให้ช่ารู้สึกว่าต้อง Day 1 ขนาดนั้น เพราะเราก็ไม่รู้ว่าตัวน้อง Wuchang เองจะสวยแค่รูปแต่ไม่มี depth ในนาเรทีฟรึป่าว

จะว่าบุญว่าบาปก็ได้ มันก็ตลกดีกับวลี “any press is good press” หรือแปลง่ายๆ ว่าเป็นข่าวดีกว่าไม่เป็น มันทำกลับทำให้เราอยากเล่นเกมนี้ขึ้นมา แทนที่ตัวเองจะกดเกมนี้เพราะดีไซน์ตัวละครที่น่าสนใจ หรือคอมแบทที่ดูต่างจากเกม soulslike อื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด แต่สิ่งที่ช่าตัดสินใจกด Wuchang มาเล่นจริงจังก็คือรีวิว 24% บน Steam ด้วยเหตุผลที่ว่า performance มันระยำจนเล่นกันไม่ได้นั่นเอง ส่วนคนที่เล่นได้ก็คิดว่าตัวเกมมันยากเกินไปอีก อีเราก็ลูกอีช่างยุอยู่แล้ว ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งอยากเล่น สิบปากว่าก็ไม่เท่าตาเห็น ต้องกดมาลองเล่นเอง ไม่ลองไม่รู้หรอกว่ามันจะแย่ขนาดไหนกันเชียว ถ้ามันแย่ขนาดที่เค้าว่าก็แค่ขอเงินคืน

กลายเป็นว่า “ติดงอมแงม” ใช้เวลาทั้งอาทิตย์เล่นไป 26 ชั่วโมงจนจบแบบไม่รู้ตัว ตรัสรู้ถึงวลี “อย่าตัดสินหนังสือจากปก” อย่างแท้ทรู ก็เลยอยากมาเล่าให้ฟังว่า Wuchange: Fallen Feathers มีดีอะไรถึงทำให้เราคิดว่านี้เป็นหนึ่งใน soulslike ที่สามารถเทียบเท่าเกมของค่าย FromSoftware อย่างเคียงบ่าเคียงไหล่ได้เลย
โรคภัย, สงคราม & ผลกระทบ "แก่" หญิง
ก่อนที่ตัวช่าจะลืมเองเสียก่อน ก็ขอพูดถึงการผจญภัยอันมืดมืดมนของ “ไป๋ อู่ชาง” โจรสลัดสาวผู้ไร้ความทรงจำ ตื่นมาอยู่ในถ้ำบนวัดแห่งหนึ่งพร้อมกับขนนกที่ขึ้นอยู่บริเวณแขนของตัวเองจากการติดต่อโรคระบาดที่มีนามว่า “feathering” (เรียกว่าโรคปีกนกละกัน 555) ที่เป็นเหมือนดังคำสาปของกลุ่มมนุษย์โบราณชื่อว่า “โบ” ที่มีลักษณะกึ่งคนกึ่งนก ไอ้โรคปีกนกนั้นทำให้ชาวบ้านกลายเป็นซอมบี้ ที่มีเค้าโครงจากเรื่องจริงในปลายยุคราชวงศ์หมิงที่มีการรบราฆ่าฟันและโรคระบาดทำให้แผ่นดินใหญ่แตกเป็นเสี่ยง ๆ

แน่นอนว่านางเอกคนสวยของเราต้องไม่เหมือนชาวบ้านเค้า เพราะเป็นโรคนี้มานานแค่ไหนรึยังไง ก็ไม่ตายสักที แฮ่ ราวกับว่าโรคนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับลูปเวียนว่ายตายเกิดของคนในเมืองทั้งหลาย ซึ่งเล่นไปไม่ถึง 20 นาทีก็จะยิ่งค้นพบว่า น้องไป๋ของเราก่อนที่จะลืมทุกสิ่ง เค้ากำลังพยายามชุบชีวิตน้องสาวของเค้าที่เสียไป และเธอก็เกี่ยวพันกับการระบาดของโรคครั้งนี้ อ้าว! ความทรงจำก็ไม่มี โรคระบาดก็เป็น น้องสาวก็ตาย ทหารที่คิดว่าน้องไป๋เราจะแพร่เชื้อก็ตามฆ่า ทำให้น้องไป๋เราไปพัวพันเกี่ยวกับวิกฤติระดับชาติได้ organic แบบไม่ต้องบังคับ narrative อะไรมากมาย (แหมะ เป็นและไม่ตายเนอะ)

การตามล่าหาความจริงและ original sins ของน้องไป๋เป็นอะไรที่สุดจะเซอร์ไพรส์เรามากๆ การที่ไม่ได้คาดหวังอะไรกับตัวเกมเยอะคงมีส่วน (ตอนแรกอยากรู้ว่า performance มันจะบ้งเบอร์ไหน) แต่พอได้เล่นจริงๆ ไปในช่วงแรกก็ทำให้ติดงอมแงมและเปิดความอยากเจือกที่เรามีเวลาเล่นเกมแนว soulslike ตลอด ไล่ตามอ่านไอเท็มและโน้ตในเกมต่างๆ ที่ทีมเขียน Leenzee ทำการบ้านเป็นอย่างดี โดยมีหลายๆ อย่างที่สามารถโยงไปถึงเรื่องราวในยุคราชวงศ์หมิงของจริงได้ ซึ่งเราว่าทีมเขียนฉลาดตรงนี้เพราะการที่เอาตำนานและเรื่องจริงที่มีอยู่แล้วมาใส่ในเกมตัวเองมันช่วยการ world building ได้ง่ายขึ้นโดยมีประวัติศาสตร์จริงเป็นที่ยึดเหนี่ยวเพื่อให้พวกเค้าได้ลงความครีเอทีฟในพาร์ทแฟนตาซีกับคนเผ่าโบได้อย่างเต็มที่ เอาความเชื่อจริงๆ อย่างความเชื่อพุทธจีน ลัทธิเต๋า และมิชชันนารีคริส มาเสริมเรื่องเวทมนตร์ได้อย่างลงตัวและไม่มีข้อกังขา อุด plot hole จนแทบจะไม่มีอะไรให้จับโป๊ะได้ และทางค่าย Leenzee ก็ได้ยกพุทธจีนกับลัทธิเต๋ามาเสริมธีมหลักของการเวียนว่ายตายเกิดและการปล่อยวางได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้เนื้อเรื่องเกมนี้มันออกสมบูรณ์เกินคาด

แน่นอนว่าด้วยความที่เป็นเกมฟอร์มใหญ่เกมแรกของ Leenzee มันก็ไม่ได้เพอร์เฟคไม่ซะทุกอย่าง เพราะว่า Side Quests และตัวละคร NPCs ใน Wuchang อาจจะยังปังไม่พอถ้าเทียบกันกับเกมรุ่นพี่ของ FromSoftware หรือแม้กระทั่ง Lies of P ช่ามองว่ามันเป็นอะไรที่น่าเสียดายนิดนึง เพราะดีไซน์ของเหล่า NPCs ก็คิดออกมาได้เท่ มีสวยหล่อตามสแตนดาร์ดค่านิยมจีน แต่ค่าย Leenzee ก็กล้าแหวกนอร์มเกมจีนอื่นๆ มี NPCs บางตัวที่ไม่ได้สวยหล่อ โดยเฉพาะตัวละครแก่เฒ่าในเกมนี้นั้นเฟี้ยวเงาะมาก ทำให้เนื้อเรื่อง Side Quest ของพวกเค้าที่อาจจะ servicable แต่ไม่ถึงขั้นประทับใจ เป็นจุดที่อาจจะฟังดูจุกจิกแต่ก็ทำให้เราเซ็งๆ นิดนึง
เกมเพลย์ "เจ็บๆ"
ยังไงก็ตาม เนื้อเรื่องดีแล้ว ตัวเกมเพลย์ก็ต้องดีตาม และเป็นโชคที่ดีที่เรานับว่านั้นถือเป็นไฮไลท์ของ Wuchang ก็เป็นได้
ช่วงนี้ดูเหมือนหลายๆ คนก็เริ่มจะอิ่มตัวกับคอมแบทแนว soulslike หรือเกมที่อาจจะยาก กลับบ้านมาเหนื่อยๆ ก็อยากเล่นอะไรที่สมองไหล จะให้มันนั่ง dodge แล้วกด R1 ทั้งคืนก็คงจะไม่ใช่แนว ซึ่งก็คงโกหกไม่ได้ว่าเกมนี้มันไม่อำนวยถึงคนที่อาจจะเอียนในความยากแบบไม่จำเป็นของ format เกมแนวนี้

เกมนี้มันฉีกนอร์มของเกม Soulslike ด้วยสิ่งอื่นๆ อย่างเช่น Combat Loop ที่ชัดเจนมาก กับ mechanics ของเกมที่ถ้าใครจะมานั่งเล่นเป็นเกม Souls (dodge ที ตีที) ยังไงก็ตาย เล่นไม่สนุก เลิกๆ กันไป เพราะตัวเกม Wuchang มันมีความเป็นหนังกำลังภายในอย่างสูงมาก ถ้าจะมานั่ง dodge นั่งตีที บอกเลยว่าความเบียวของศัตรูก็จะทำให้คุณโดนย่ำยีอยู่ฝ่ายเดียว

เหมือนกับการต่อสู้ในหนังจีนที่เราดูกันมาตั้งแต่เด็ก ความเบียวย่อมจะปราบได้ด้วยความเบียวเท่ากัน เกมนี้มีให้เราเลือกอาวุธถึง 5 แบบ ไม่ว่าจะเป็น ดาบ กระบี่ ทวน ขวาน และดาบคู่ แต่ละอาวุธก็มี gimmick ที่โคตรจะโกงพอๆ กับ moveset ที่ไม่ให้เราหายใจหายคอของบอสแต่ละตัวไม่ว่าจะเป็นการบู๊หรือบุ๋น ภายในคลาสอาวุธแต่ละชิ้นก็มีสกิลที่ไม่เหมือนกันอีก ทำให้ไม่มีอาวุธไหนเป็นอัพเกรดโดยตรง มีแต่ว่าอันไหนถนัดมือของเรามากกว่า

พอพูดถึงสกิลแล้วก็ต้องขอเบรคเรื่องอาวุธมาอธิบายเรื่องการเลเวลอัพน้องไป๋ก่อน ซึ่งอีระบบนี้ก็ฉีกความเป็น Soulslike อื่นๆ เหมือนกัน เพราะมันมากับระบบบอร์ดที่คล้ายๆ Sphere Grid และ License Board ของ FFX/FFXII ในบอร์ดนี้เราสามารถเลือก stats ได้ และยังปลดล็อกสกิลใหม่ๆ และ moveset ใหม่ๆ ให้แก่อาวุธที่เราใช้เหมือนกัน แถมในเกมนี้เรายังจะ Respec กี่รอบก็ได้ ตามใจฉัน ซึ่งเวลาเจอบอสตัวไหนที่รําคาญแล้วรู้สึกว่าต้องเปลี่ยนอาวุธหรือเจิมเลือดสักนิด ก็ทำได้อย่างง่ายดาย

กลับมาเรื่องอาวุธใหม่ เข้าใจถูกแล้วละ 1 อาวุธ มีได้ถึงสองสกิล: สกิลที่มากับอาวุธอยู่แล้วและอีกอันที่ได้มาจากการอัพเลเวล
ไอ้ตรงนี้เนี่ยแหละที่ทำให้เกมนี้มันโครตกาว การเลือกอาวุธที่มีขบวนท่าที่เหมาะมือ มี iframe ที่เข้าใจง่าย หรือเพลย์สไตล์ที่ตัวเองถูกใจ มันเป็นจุดแข็งของ Wuchang เลยละ ถ้าคุณชอบ Sekiro ไม่ต้องห่วง Wuchang จัดให้เพราะถ้าคุณเล่นดาบ คุณสามารถปลดล็อกสกิล Parry ได้ยังกะ Wolf แต่ถ้านั่นไม่ใช่แนว ก็ติดสกิล Crescent Moon ที่ทำให้เราตีลังกาสามตลบ ดอดจ์แม่งทั้งหมด แล้วฟันกลับเข้าจังๆ หรือถ้าขี้เกียจจริง จะเอากระบี่ Darkfrost ที่มีสกิล Evasive Maneuver ทำให้เรามีบัฟ Auto-Dodge อะไรก็ได้ 5 วินาที (โกงที่สุด) หรือจะเล่นเป็นสไตล์จูล่งใน Dynasty Warriors ก็ยังได้ เพราะทวนเกมนี้ก็มีสกิลและ moveset ที่อำนวยสไตล์การเล่นแบบนั้นเหมือนกัน แต่ถ้าอยากเล่นแบบเกม Action เน้นคอมโบก็กดดาบคู่มาตีแข่งกับบอส ปะทะดาบกันและ reflect ดาเมจของอะไรก็ได้ (อย่างกาว)

เท่านั้นยังไม่พอ เพราะว่ามันยังไม่พอแค่นี้ ทุกครั้งที่คุณทำอะไรเท่ๆ ได้ก็จะได้แต้มวิญญาณ (Skyborn Might) มา และแต้มวิญญาณเหล่านี้ก็เป็นระบบ Mana ของเกมนี้ นอกจากเราจะมีสองสกิลแล้ว เกมนี้ยังให้เราติดเวทมนตร์ (อย่าลืม นี่คือหนังกำลังภายใน!!!) ได้ถึง 4 อัน โดยที่เราจะเลือกได้ว่าเอาแต้มวิญญาณเหล่านี้ไปเสริมพลังสกิลหรือเอามาร่ายคาถา ซึ่งแต่ละอันก็ทั้งโกงทั้ง SFX กระจายไม่แพ้กัน อย่างเช่นลูกไฟคู่ Burning Flames พลัง Auto-Dodge จาก Ethereal Form หรือจะใช้ Echo of the Bo Magus ที่จะทำให้เราไม่โดนดาเมจอะไรเลย 3 ครั้ง มีแต่อะไรบ้าๆ บอๆ ให้ลองใช้
ทั้งหมดทั้งมวลเป็นเหตุผลที่บอกว่าเกมนี้เล่นแบบ Souls ยังไงก็ตาย เพราะว่าเกมนี้มันต้องเล่นแบบ Wuchang: Fallen Feathers ไม่ใช่ Elden Ring

มีข้อชมและจุดขายเยอะขนาดนี้ ก็ต้องมีข้อเสียเล็กน้อยแหละ เกมนี้มีระบบที่เรียกว่า Madness System ที่ทำให้เรายิ่งตาย ยิ่งตบแรงขึ้น แต่ defensive stat เราลดลง ซึ่งเอาจริงๆ เราว่ามันฟังดูเท่ดี แถมยัง tie in กับธีมเวียนว่ายตายเกิดได้ดีด้วย แต่ impact ของมันแทบจะไม่มีอะไรเลย รู้สึกว่ามี Madness 0 ไม่ได้ช่วยอะไรขนาดนั้น เพราะว่า debuff จากการตายมันน้อยกว่า buff ดาเมจที่เราได้ แถมในตารางอัพเกรดตัวละครก็มีหลายๆ จุดที่ผลักให้เรามีค่า Madness เกินครึ่ง แต่ไม่มีอะไรที่ให้รางวัลค่า Madness น้อยสักเท่าไหร่ เราคิดว่าเค้าออกแบบระบบนี้มาไม่ดีพอที่จะเป็นจุดที่น่าสนใจขนาดนั้น เหมือนคิดไม่แตก มีก็ดี แต่ไม่มีก็ยังได้
โลกสวยงามที่เต็มไปด้วยความ "ตาย"

อีกอย่างที่ Leenzee ตีโจทย์แตกของคงเป็น map design และโลกที่ทำออกมาได้เนียนกริบ มีกลิ่นอายการดีไซน์แผนที่ได้เหมือนเกม Metroidvania ที่มีความ interconnected ทั้งเกม เราสามารถเดินไปจากไหนต่อไหนรอบโลกของเกมนี้ได้หมด นับว่าเป็นเกมแนว soulslike ตั้งแต่ Bloodborne ที่ให้เราเดินรอบโลกได้อย่างจริงจัง แถมเกมนี้ไม่มี Hub World ที่เป็น instance แยกอีกด้วย เป็นความประทับใจอย่างมากสำหรับเรา อีกอย่างนึงคือตัวเกม Wuchang หลอกเราได้อย่างดีเยี่ยมกับการดีไซน์แต่ละเลเวล ที่มี item placement ที่นอกจากจะเล่าความโหดร้ายอำมหิตของโลกนี้ผ่าน environmental storytelling แล้ว ยังสามารถทำให้เรารู้สึกว่าแผนที่ในเกมมันใหญ่กว่าที่เราคิด ทีมงาน Leenzee ใช้เทคนิคการวางของให้เราเดินไปถูกที่ได้แบบเนียนๆ ทำให้ช่านึกถึงตอนที่เล่น Expedition 33 เมื่อต้นปีเลย ที่โซนมันเล็กแต่ตัดแต่งได้ดูใหญ่กว่าที่ตัวโซนมันเป็น

เรื่องกราฟฟิคหรือดีเทลของแต่ละอย่างก็รู้ได้ถึงความใส่ใจ ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ของตัวละครแต่ละตัว อาวุธที่ดูด้วยตาเปล่าก็เห็นได้ว่ามันมีความแตกต่างเยอะมากๆ หรือ collectibles อย่างเสื้อน้องไป๋ ที่มีทั้งฮาๆ กาวๆ หรือเซ็กซี่ ก็ได้ออกแบบมาได้อย่างละเอียด ทุกอณูของเกมนี้จะมีอะไรให้เราสังเกตุถึง level of details และเป็นอีกเกมที่กด screenshot มั่วๆ ยังไงก็ออกมาสวย ไม่ว่าจะด้วยตัวบรรยากาศจีนย้อนยุคแบบหนังฟอร์มยักษ์ มีภูเขา มีวัด มีไบโอมที่หลากหลายทำให้ไม่แปลกตา
Performance ที่ "ตาย" ไม่แพ้กัน
ถึงแม้ว่าเกมมันจะดีแค่ไหน เนื้อเรื่องจะปูมาดียังไง สวยเวอร์เบอร์สิบ ก็ต้องมาตายเวลาคนมันเล่นไม่ได้ กับ Performance ที่เรียกได้ว่า “นรก” อย่างแท้ทรู ที่มีความ RNG ยิ่งกว่าเล่นไพ่ Balatro เพราะแม้คุณจะมีสเปคคอมเดียวกันเด๊ะๆ เหมือนเพื่อนที่นั่งข้างๆ คุณ ถ้าดวงซวย ก็เล่นไม่ได้
มันทำให้เกมนี้เป็นเกมที่แนะนำได้ยากมากๆ ถึงแม้ตัวเกมเองแทบจะไม่มีบัคหรืออะไรเลย แต่ว่าถ้าคอมดันเป็นเครื่องที่ “ซวย” ขั้นมา กดไปก็เท่านั้น เล่นไม่ได้อยู่ดี และถึงแม้รีวิวของเกมใน Steam มันจะขึ้นมาเรื่อยๆ จากตอนแรก Mostly Negative จนมา Mixed ในระดับ +50% คนส่วนมากที่เล่นเกมนี้ก็ยังคุยเรื่องเกี่ยวกับ Performance ซึ่งมันจะไม่จำเป็นเลยถ้าเกมมันลื่นตั้งแต่แรก ภาพลักษณ์และความประทับใจครั้งแรกมันเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ ที่จะแก้ยังไงแต่ว่าครั้งแรกมันมีแค่ครั้งเดียว ซึ่งช่าก็คิดว่าทาง 505 Games น่าจะตัดสินใจให้เวลา Leenzee มากกว่านี้เพื่อ optimise ให้ดีขึ้นก่อนปล่อย

ยังไงแล้วช่าก็ถือว่าเป็นที่โชคดีที่ได้เล่นเกมนี้ตั้งแต่ต้นจนจบโดยไม่มีปัญหาอะไรกับเครื่องตัวเอง แถมเกมนี้ยังเล่นบน Steam Deck ได้แบบ Locked FPS แบบงงๆ ทำให้เครื่องแรงๆ ที่ติดแหงกอยู่ที่ 20fps เกาหัวกันไป
จุดจบของทุกสรรพสิ่ง
ไม่มีอะไรน่าเศร้ากับการที่แนะนำหนึ่งใน soulslike ที่บ้าที่สุดและมันส์ที่สุดเท่าที่เคยเล่นมาได้ไม่เต็มปากเพราะปัญหา performance ที่ไม่รู้ว่าถ้าคนอื่นกดไปแล้วจะเล่นได้ไหม ช่ามองว่ามันมี soulslike ไม่กี่เกมจริงๆ นะที่เรามองว่ามันเทียบเท่ากับงานของ FromSoftware เองได้ แถมยังต่อยอดเป็นระบบของตัวเองได้อย่างมันส์

ถ้าใครที่ไม่กล้ากดเพราะว่ามันเป็นเกมสไตล์จีนแล้วเบื่อๆ ลิง อันนี้เราอยากให้ลองเปิดใจดู มัน beyond พวก soulslikes ที่ทำตามสูตรได้อย่างดีจริงๆ แต่ถ้าเบื่อ soulslike เพราะอยากหาอะไรที่เล่นได้ชิวๆ บอกเลยว่า เกมนี้ไม่ชิว แถมต้องมานั่งฝึก mechanics ใหม่ๆ เสียก่อนด้วยกับระบบสกิลและเวทมนตร์ต่างๆ
รวมๆ แล้วก็อยากให้รอ sale หรือรอ performance แพชกันก่อน ทางทีมงานขยันแก้เกมเป็นอย่างมากและแพชมาเรื่อยๆ แถมยังโดนคนจีนขู่อีกด้วยเนื้อหาของเกมที่มีการอ้างอิงประวัติศาสตร์ ก็ต้องขอเป็นกำลังใจให้ทางตัวทีมงานเองพร้อมกับเกาหัวกับการตัดสินใจของ 505 Games
Leenzee มีศักยภาพอย่างมากและเกมนี้ก็ถือว่าเป็นการเปิดตัวค่ายได้ดีเลยแหละ เราก็คงได้หวังว่าพวกเค้าจะเต็มที่กับเกมหน้าและไม่มีปัญหา performance issue อีก
Final Score: