🌸 Tasha & Friends 🌸

เพิ่งเล่นจบ #22: Elden Ring Nightreign

Tasha Strong
Tasha Strong

ตั้งแต่เริ่มเขียนรีวิวเกมเป็นภาษาไทยมาครึ่งปีกว่าๆ ก็มีครั้งนี้นี่แหละที่ส่วนตัวแล้วคิดว่าเขียนยากที่สุด ไม่เคยพิมพ์ๆ ลบๆ บ่อยขนาดนี้มาก่อน มีอะไรที่อยากพูดไปหมดเลยแฮะ

สีหน้าของคนที่พิมพ์และแก้บทความนี้ไป 4500 กว่าคำ

พูดตรงๆ ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดีเลยกับเกมฟอร์มเล็กในรอบหลายปีจากค่ายขึ้นหิ้งอย่าง FromSoftware ผู้สร้างผลงานน้ำดีอย่างนับไม่ถ้วนอย่างเกมตระกูล Armored Core และเปลี่ยนโลก Action RPG ในยุค 2010s ด้วยการกำหนด genre ใหม่ไปโดยปริยายอย่างเกมตระกูล Soulsborne ที่มีทั้ง Demon’s Souls, Dark Souls, Bloodborne และ Game of the Year ปี 2022 อย่าง Elden Ring ซึ่งช่ากล้าพูดเลยว่าเป็นแฟนตัวยงค่ายนี้ เล่นมาหมดแล้วและใช้เวลารวมกันนับพันชั่วโมงในการเล่น แถมยังได้ร่วมงานช่วยเขียนบทและวิเคราะห์ทฤษฎีกับช่อง Youtube เล็กๆ อย่าง Rageikari และ Elden Kings อีกด้วย การกด pre-order เกม Elden Ring Nightreign ของช่ามันเลยไม่ใช่เรื่องแปลก

แจกกระหน่ำ ซัมเมอร์เซลล์

การอธิบายว่า Elden Ring Nightreign มันเป็นเกมยังไงเป็นเรื่องที่ยากมาก แต่ถ้าพูดกันตามหลักแล้วมันเป็นเกมแนว online co-op roguelike open world action RPG ที่มีองค์ประกอบของเกมแนว battle royale มาเสริม เปิดตี้ชวนเพื่อนอีก 2 คนไปตบบอสด้วยกัน หรือจะฉายเดี่ยวลุยคนเดียวก็ได้ไม่ว่ากัน

บูชาไฟกับเพื่อนก็ยังได้

พอเอาเข้าจริง Nightreign เป็นเกมที่เอาประสบการณ์การเล่น Elden Ring ทั้งเกมย่อมาเหลือแค่รอบละ 40 นาที เป็น Elden Ring ที่แดกยาม้าเข้าไปจนคึก ทำให้ผู้เล่นได้รู้สึกถึง progression ของเกม 100 ชั่วโมงภายในเวลาอันสั้น มีตั้งแต่โดนตบตายอย่างจังตอนเลเวล 1 การเจอ build ที่เหมาะมือที่พาเราไปกระทืบบอสได้ภายในไม่กี่วิ แต่ก็มิวายแพ้บอสต่อไปอย่างราบคาบ การไปหาความลับต่างๆ ในแมพที่มีทั้ง lore implications (นัยยะของเนื้อเรื่อง) และรางวัลเสริมพลังเรา หรือการเล่น co-op กับคนที่ไม่รู้จักในแบบที่ไม่มีวิธิการสื่อสารนอกจากการกระโดดไปมาที่เป็น signature ของเกมค่ายนี้ไปแล้ว

Tales from Limveld

ก่อนอื่นเรามาแวะมาพูดถึงเนื้อเรื่องของ Nightreign ก่อนดีกว่า ซึ่งรอบนี้มันมีความลึกลับยิ่งกว่าเกมอื่นๆ ซึ่งไม่รู้ว่าจงใจหรือว่างบไม่พอและตัว lore ไม่ได้เป็นโฟกัสใหญ่ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับปรากฏการณ์ Night Rain เป็นอะไรที่เราจะไม่ได้ข้อมูลเยอะ แม้กระทั่ง implication ที่เกี่ยวกับภาคหลักก็ยังตีความได้หลายแบบ บางท่านก็มีข้อเท็จจริงที่ซัพพอร์ตทฤษฎีว่า Nightreign เป็นภาคต่อของตอนจบแบบหนึ่งใน Elden Ring แต่ก็มีข้อเท็จจริงที่แย้งตรงนี้ได้ว่ามันเป็นภาคก่อนหน้า แถมบางท่านยังมีทฤษฎีโลกคู่ขนานที่ฟังดูขึ้น

ทำไมน้องคนนี้มันคุ้นๆ จังเลยแหะ

ความเก่งของทีมเขียน FromSoftware คือการที่ fact เหล่านี้มันอยู่ด้วยกันได้แต่ไม่ได้แย้งกันจนเป็น plot hole ยังคงเสน่ห์ของ Soulsborne ด้วยความที่มันเป็นการเล่าคร่าวๆ สามารถตีความได้หลายแบบได้อย่างเสมอต้นเสมอปลายที่เดาไม่ถูกเลยว่าทีมเขียนตั้งใจอยากให้ไปทางไหน อารมณ์เดียวกับช่อง Lore ใหญ่ๆ ถึงต้องหน้าแหกตอน Shadow of the Erdtree ปล่อย เพราะคำว่า “canon timeline” มันแม่งแทบจะไม่มีจริงกับเกมค่ายนี้ มีแต่สิ่งที่เค้าอยากจะเล่าตรงๆ และเล่าอ้อมๆ

สไตล์การเขียนแบบนี้มันเวิร์คมากๆ กับ Nightreign ที่เราจะได้เล่นเป็นหนึ่งใน Nightfarers ในแต่ละรัน ซึ่งพวกเค้าทั้ง 8 แทบจะไม่มีทรงจำเกี่ยวกับตัวเองแต่ได้ถูกรับเลือกมาต่อกรกับ Nightlords ทั้ง 8 (ถือว่าไม่สปอยเพราะเป็น info อยู่ใน marketing) และความที่แทบจะไม่รู้เรื่องอะไรเลยของพวกเค้าทั้ง 8 เนี่ยแหละ เป็นสิ่งที่ทำให้เกมนี้มันเมคเซ้นส์ในความไม่เมคเซ้นส์ เพราะเราจะมองผ่านเลนส์ของตัวละครที่มีข้อมูลจำกัดพอๆ กับคนเล่น ที่แต่ละตัวจะมีความเห็นเรื่อง Night’s Tide และ Nightlords ไม่เหมือนกัน

ใครล็อคประตูบ้าน!?

สิ่งที่ตายตัวสุดในเชิงการเล่าเรื่องของเกมนี้ก็หนีไม่พ้น Rememberance Quest ของทั้ง 8 ตัวละครที่จะทำให้เราได้รู้จักตัวต้นของพวกเค้ามากขึ้น:

  • Wyldey: “เด็กใหม่” ที่เพิ่งเข้าปาตี้ บุคลิกเงียบขรึมไม่ค่อยคุยกับใคร มีคุณสมบัติเป็น all rounder ถนัดในการใช้ดาบใหญ่
  • Guardian: นกแดงพี่ใหญ่ของบ้านผู้มีสปิริตนักสู้สูง ถึงแม้ปีกจะหักหนึ่งข้างเค้าก็ยังไม่หวั่นในการรบกับพวก Nightlords ถนัดการป้องกันและมีง้าวยักษ์เป็นอาวุธคู่ใจ
  • Duchess: จอมโจรหญิงที่มากไปด้วยปริศนา เก่งในการใช้มีดและคาถาต่างๆ การปิดหน้าปิดตาทำให้เธอดูลึกลับเข้าไปอีก
  • Recluse: แม่ เห้ย! พิมพ์แค่นี้ไม่ได้!!! สาวนักเวทย์สายมืดที่โดนตีตราบาปจากผู้คน เรื่องการต่อสู้แบบเวทมนต์เธอไม่เป็นสองรองใคร
  • Ironeye: ไม่รู้ว่าแกหลุดมาจาก MCU ได้ไง แต่มือธนูหนุ่มคนนี้ไม่ได้มีดีแค่เรื่องยิงแม่น แต่ยังเป็นกาวใจทั้งในเกมเพลย์และเนื้อเรื่องกับการซัพพอร์ตคนอื่นได้ทั่วถึง
  • Raider: พ่อโจรสลัดสายบู๊ ทุบอย่างเดียว ตัวใหญ่ใจใหญ่ หุ่นน่ากอด เรื่องอาวุธยักษ์เป็นงานของเค้า
  • Executor: Sekiro at Home อดีตนักรบ Crucible ที่โดนประณามและเนรเทศ มากับตัวและดาบต้องคำสาปคู่ใจ
  • Revenant: สาวน้อยผู้อัญเชิญวิญญาณ เธอสามารถเรียกเพื่อนผู้พิทักษ์ของเธอได้จากการเล่นพิณ เมนช่าเอง (สวยเหมือนช่าด้วย)
ตัวละครทั้ง 8

ตัว Rememberrance Quest เป็นระบบที่จะช่วยทำให้ตัวละครแต่ละตัวนึกถึงอดีตของตัวเองและเข้าใจในเหตุผลที่ทำไมตัวเองต้องมาสู้กับเหล่า Nightlords ได้ และแต่ละเรื่องก็น่าติดตาม ด้วยการเล่าที่น่าจะตรงที่สุดตั้งแต่มี Soulsborne มา ทำให้เราอินไปกับตัวละครเหล่านี้ได้ มี plot twist ที่เกิดคิดเกิดขึ้น และการที่หลายๆ Rememberance Quest จะมีการกระจายบทไปให้ Nightfarer ตัวอื่น มันก็ทำให้เราที่เป็นคนเล่นรู้สึกว่าเค้าค่อยๆ สนิทกันขึ้นจริงๆ

พี่นกจะขิงฉันรึ!?

มันก็เป็นสิ่งที่แปลกจากเกม Soulsborne อื่นๆ เพราะใน Nightreign เราจะได้เห็นปฏิสัมพันธ์ของตัวละครใน Shrouded Roundtable Hold บ่อยๆ ฉีกไปจากโครงเรื่องการหักหลังกันที่ FromSoftware ชอบใช้บ่อยๆ ในการเล่าเรื่อง พอมีปาร์ตี้ตัวละครที่เก่งไปด้วยกันและร่วมงานกันกำจัดอะไรสักอย่าง มันก็เป็น parallel ที่ดีมากๆ กับตัว base game Elden Ring ที่ตอนสุดท้ายความอยากได้อยากดีมันทำให้ไม่มีใครเหลือใคร

ถึงแม้เกมนี้จะไม่ได้เน้นเนื้อเรื่องแต่ก็สามารถเอามาตีความถกเถียงและเขียนได้ยาวขนาดนี้ ก็สมกับการเป็นเกมในตระกูลนี้จริงๆ นั่นแหละ

The Roguelike, Soulslike Bits

ระบบการเล่นมันเป็นหัวข้อที่อธิบายบากพอตัว การเรียกเกมนี้ว่า Elden Ring but Fortnite มันอาจจะเห็นภาพแต่ก็ไม่ได้ทำให้เคลียร์เลยว่ามันคืออะไรกันแน่ ทุกวันนี้พอลองถามคนที่ยังไม่ได้เล่นดูก็ยังงงๆ คิดกันว่ามันเป็น Battle Royale หรือเกมแนว Extraction แต่หัวใจของ Nightreign ที่แท้จริงแล้ว มันคือเกม co-op boss rush ที่มีคอมแบท Soulsborne และมีระบบโซนแบบเกมแนว BR บีบโซนเราไปเรื่อยๆ เพิ่มเติมเพื่อให้เราต้อง boss rush นั้นเอง

ด้วยความที่ตัวเกมมันปลายเปิดมากๆ พอเราแลนด์ดิ้งจากรถบัส เห้ย นกอินทรีย์เข้าแมพแต่ละรอบ เราและเพื่อน (หรือเราคนเดียว แล้วแต่โหมด) จะไปไหนก็ได้ จำไว้แค่อย่างเดียวว่า “ตกค่ำต้องตบกับบอสประจำวัน”

โฉมหน้าสามหน่อในแมชแรกของช่า มี tyler1 จาก League of Legends มาด้วย

มันเป็นเกมที่เชื่อเลยว่ายังไงก็งง ถึงแม้จะมีเพื่อนช่วยสอนรอบแรกก็งง นึกสภาพการเล่นครั้งแรก ด้วยความที่ลงมาแล้วจะไปไหนก็ได้ เปิดแมพขึ้นมาก็เจอแคมป์นู่นนี่ แต่พอไปถึงแคมป์จริงๆ ก็โดนตบตาย กว่าจะชนะแต่ละแคมป์ก็ครึ่งวันซะแล้ว ต้องมาวิ่งหนีโซน พอวิ่งอยู่ดีๆ ไปเจอ Field Boss สีแดงยิงทีเดียวตายห่า พอตายห่าแล้วเลเวลหาย จะวิ่งไปเก็บ Runes ก็ไม่ทันเพราะโซนมันมาแล้ว จะออกก็เกรงใจชาวบ้าน รอกันไปคืนที่หนึ่ง ยังไงก็แพ้ อ๊าาาาาก

10 ชั่วโมงแรกก็จะเละเป็นโจ๊กแบบนี้แหละ

สิ่งนี้มันเลยทำให้ Nightreign เป็นเกมตระกูล Souls ที่แท้ทรู ช่าไม่ได้มองว่าการเป็นเกม Souls คือการกด Dodge กด Parry หรือการที่ตายแล้วต้องไปเก็บ XP ที่ตก แต่ช่ามองว่าเกม Souls มันเป็นเกมเช็คความรู้เรื่อง Mechanics ตั้งแต่สมัย Dark Souls เองที่เราเอาอาวุธ Holy ตบผีกระดูกแบบไม่ต้องกลัวมันลุกมาใหม่ การเริ่ม Dark Souls 3 แบบมี Young White Branch ติดตัวจะได้ไม่โดนยักษ์ปาแหลนใส่ หรือการเล่น Bloodborne ถ้าเจอบอสใหญ่ให้อยู่ข้างหลัง แต่เจอบอสคนกดปืน Parry ไปเลย หรือการที่ต้องเอาอาวุธตัวเองตีเพื่อนๆ ที่ล้มเป็นการ Revive เพื่อนในรูปแบบที่ไม่เคยเห็นเกมไหนเค้าทำกัน

...มันกำลัง spawn ข้างหลังช่าใช่ไหม😱

ใน Nightreign มันคือการที่เราต้องเรียนรู้ระบบไปเรื่อยๆ ความเป็นเกมใหม่ genre ใหม่ ก็ต้องตามมาด้วยกฎเกณฑ์ใหม่ที่เกมนี้ใช้ ไม่ว่าจะเป็นระบบเพิ่ม Flask of Crimson Tears ที่โบสถ์ หีบที่ซ่อนอยู่บนวิหารต่างๆ ถ้าปีนไปมันจะการันตีดรอปตราศักดิ์สิทธิ์ มีอาวุธอะไรเหมาะกับ Field Boss ตัวไหนเร็ว ไปบุก Castle ตรงการแมพเวลไหนดี มันก็จะมีเรื่องอะไรอย่างนี้ ให้คิดวางแผนกันต่อไม่ว่าจะเล่นคนเดียว กับเพื่อหรือแม้กระทั่งกับผู้เล่นทางบ้าน

นี้ยังไม่นับตัวละคร 8 ตัว 8 สไตล์ที่ถนัดอาวุธไม่เหมือนกันและมีสไตล์การเล่นที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ข้อดีคือเราเลือกตัวซ้ำกับเพื่อนได้ถ้าใครมีเพื่อนที่อยากเล่นตัวเดียวกัน Nightfarers ทั้ง 8 มีอาวุธ “ถนัด” ของตัวเองอย่างที่แจงไว้ข้างต้น สิ่งที่แตกต่างจาก Soulsborne ทั่วไปคือตัวละครเราจะมี Unique Moveset ของอาวุธ ที่ตัวละครถนัด อย่าง Duchess จะมีคอมโบมีดที่เร็วกว่า และ range สูงกว่าชาวบ้านและ Elden Ring ภาคหลัก หรือ Ironeye ที่มองยังๆ ก็ต้องใช้ธนูนั้นแหละ ก็มี moveset ยิงธนูไปเดินไป repositioning สะดวกกว่าตัวอื่นๆ

ยิงแสงสวยๆ สไตล์คนสวย

แต่อย่าเข้าใจผิดคิดว่าถ้าเล่นตัว X ต้องใช้แค่อาวุธ Y เท่านั้นเพราะเกมนี้มันอยากจะให้คุณเชื่อแบบนั้น Nightreign ยังมีระบบ scaling เหมือนเกมพี่ ถ้าเล่น Ironeye แล้วดวงซวยไม่เจอธนูดีๆ สักอันก็ลองยิบดาบของ Malenia มาฟันบอสเละแทนก็ได้ หรือว่าถ้าจะเล่นน้อง Revenant แต่ไม่เจอตราศักดิ์สิทธิ์ดีๆ ก็ถือค้อนยักษ์ที่สเกล Faith แรงๆ ไปทุบชาวบ้านได้

พอพูดถึงอาวุธแล้ว อีกอย่างคือพวกคุณลืมไปได้เลยในเกมนี้คือ Tier List อาวุธใน Elden Ring เพราะเกมนี้คุณจะได้ใช้แม่งทุกอัน

ขนาดเล่นตัวธนู ยังถือดาบคู่ได้เลยเธอ

ด้วยความที่มันเป็น roguelite ที่เราจะได้อาวุธแบบสุ่ม เราเลือกเจาะจงไม่ได้เลยว่ารันนี้ฉันจะใช้อะไร นอกจากว่าจะโชคดีเจอดรอปเดิมๆ เกมมันก็เหมือนบังคับให้เราใช้อะไรมากหมายที่เราอาจจะไม่เคยคิดที่จะลองเลยใน Elden Ring ไม่ว่าจะเป็นแส้ไฟ ค้อนนิ้ว มีด และที่เก๋กว่านั้นคือแต่ละอาวุธมันก็ถูกแรนด้อมทั้งธาตุและสกิลติดอาวุธ ทำให้บางครั้งเจออาวุธเทพแต่สกิลดันกากหรือธาตุดันไม่เหมาะกับบอสเป็นอะไรที่เราต้องท่วงว่าจะเอาดีไหม นอกจากนั้นแต่ละอาวุธยังมี random passive ที่ช่วยเราปั้นเพลยสไตล์ในแต่ละรอบด้วย เล่น Recluse เปิดหีบเจอดาบใหญ่ แต่ถ้าดาบให้ passive ลดค่า FP เวทมนตร์ มันก็คุ้มที่จะเก็บไว้เอง ปัจจัยเหล่านี้มันทำให้อาวุธทุกอันในเกมนี้มีโมเม้นต์ได้เฉิดฉาย

ระบบ Relic คือหัวใจของเกมเลยละ

แต่นอกจากสิ่งที่เราจะเข้าไปเจอในแต่ละรอบการเล่นแล้ว ก็ยังมี Meta Progression ในรูปแบบกาชาอย่างระบบ Relics อีก ทุกครั้งที่เราจบรันแต่ละรอบเราจะได้เงินมาซื้อของเก็บพี่ไห่ใจดีที่จะขาย Relic ให้เราแบบสุ่ม ซึ่ง Relic เหล่านี้ทางทีมงาน FromSoft ก็ไม่ได้คิดมาแค่แปะ Stats เล่นๆ เพราะมันเปลี่ยนตัวเกมเพลย์มากพอที่จะทำบิวท์ unique ให้ตัวเองได้ อย่างเช่น Wylder จะมี Relic set ที่คนเล่นจะชอบเรียกกันว่า Spider-Man เพราะมี Relic ที่ทำให้ตัว Wyldey ใช้ Hookshot ยิงไปมาได้หลายใครยังกะไอ้แมงมุม หรือจะเสริมอัลติให้ไฟลุกไหม้กับ set ที่เน้นเรื่องดาเมจไฟและการกระจายไฟ ก็ไม่มีใครว่ากัน viable หมดทุกบิวท์กับทุกคน

What about the Bosses?

พูดถึงอย่างอื่นจนเพลิน เกือบลืมเรื่องบอสในเกมนี้ซะแล้ว Nightreign คือการเล่น Souls-Ring All Stars ก็ว่าได้ เพราะเราจะได้ตบกับบอสของ Elden Ring และ Dark Souls ที่จะทำให้คุณเซอร์ไพร์สที่พวกเค้าอยู่ดีๆ ก็โผล่มาในเกมนี้
ก่อนเริ่มแต่ละรัน เราจะได้เลือกเป้าหมายหลักประจำรันหรือ Nightlords 8 ตัวที่กล่างถึงในข้างต้น แต่ละตัวจะมีธาตุเป็นจุดอ่อนไม่เหมือนกัน ซึ่งก็ทำให้เราเตรียม Relic ที่อธิบายไว้ในข้างต้นต่อบอสแต่ละตัวได้ แม่งไปๆ มาๆ คล้ายๆ Monster Hunter เหมือนกันนะเนี่ย แต่ก่อนจะไปตบกับบอสเหล่านี้ หรือที่เรียกกันว่าบอสคืน 3 ก็ต้องผ่านอุปสรรคอย่างอื่นกันก่อน ไม่ว่าจะเก็บของหรือผ่านบอสคืน 1 และคืน 2

ไม่ให้ดูหรอก เดี๊ยหาว่าสปอย

มาเริ่มจากบอสประเภทแรก (technically สองเพราะเพิ่งพูดถึง Nightlords 555+) กันก่อน ช่าชอบเรียกพวกนี้ว่าบอสประจำที่ อย่างที่บอกไปข้างบนว่าเราจะต้องไปโลเคชั่นต่างๆ ตี mini-boss เก็บของ พวกบอสในโลเคชั่นเหล่านี้ส่วนใหญ่จะเป็นบอสเล็กๆ ใน Elden Ring ไม่ได้หวือหวาอะไรมาก ตอนแรกช่าก็แอบผิดหวังว่าบอสเหล่านี้จะอยู่ประจำเลย สมมุติถ้าเราไปโลเคชั่นวิหารที่มีไอคอนไฟ ก็จะรู้เลยว่ามันเป็นบอสตัวไหน แต่พอเล่นไปเรื่อยๆ ก็กลับคิดว่าการที่มันเป็นบอสประจำโลเคชั่นมันก็เป็นข้อหลักของเกมเพลย์ลูป เพราะคนเล่นอย่างเราเริ่มรู้แล้วว่า โลเคชั่นไหนตบได้เร็ว มีเวลาทำอย่างอื่นทัน ทีมคอมป์นี้ไม่น่าแวะที่นี่เพราะน่าจะยากหรืออะไรก็ตามแต่ ช่ามองว่ามันเป็น trade-off ที่ทีมงานต้องตัดสินใจว่าจะให้เป็น knowledge คนเล่นหรือเพิ่มสีสันให้กับรันแต่ละรอบ

แทงเข้าให้ จึ๊กๆ

ต่อมาเราก็มี Field Bosses ซึ่งจะอยู่ดีๆ ก็อาจจะเดินไปเจอ ซึ่งอีบอสจำพวกนี้จะเป็น Major Bosses ใน Elden Ring บ้าง และ Dark Souls บ้าง แล้วแต่ดวงที่เดินเจอ แถมความหินของเจ้าพวกนี้ก็ขึ้นอยู่กว่าเราเดินไปเจอเวอร์ชั่นไหน ถ้าเราเปิดแมพแล้วเห็นไอคอนมันสีแดง ก็คือเวอร์ชั่นสุดหิน แต่ถ้าเป็นไอคอนสีเทา ก็ยังพอตบมันได้ตอนเลเวลต่ำๆ ซึ่งพวกนี้ก็คุ้มค่ากับการตบอยู่เพราะดรอปของดีๆ เยอะและให้ Runes เราเอาไปเวลได้อย่างมหาศาล การมีอยู่ของ Field Bosses มันเป็น risk-reward ที่ดีมากๆ มันมีหลายรันที่ช่าเล่นชนะ Nightlord แบบไม่ได้แวะตี Field Boss สักตัว แต่รันเหล่านั้นเลเวลก็จะอยู่แค่ 10 ต้นๆ ถ้าโชคดีมีไอเทมเทพๆ ตบได้หลายตัวก็จะทำให้เราแกร่งมากกว่าเดิม บางคนก็หวังว่าตัวแรกจะให้ของเทพๆ ไปตบตัวอื่น ก็แล้วแต่ดวงแล้วแต่สกิลของผู้เล่นกันไป โดยรวมช่าคิดว่าระบบนี้มันดีงามมาก ทำออกมาได้บาลานซ์และตื่นเต้นทุกครั้งที่ตบกับพวกนี้

เจอกันทีไรแล้วใจสั่น

บอสหลักอีกจำพวกหนึ่งคือ Night Boss อีบอสประจำคืนเนี่ยแหละคือสิ่งที่วัดชะตาว่าคุณจะได้ไปต่อหรือไหม ซึ่งบอสเหล่านี้ก็จะเป็นบอสรวมฮิตจากเกมในแฟรนไชส์ที่เราจะรู้จักกันดี เห็นได้ในตัวอย่างเหมือนพวก Nameless King หรือ Smelter Demon แต่ก็มีอีกหลายตัวที่อยากให้ไปเจอเอง แฟนคลับเกมค่ายนี้ร้องกรี๊ดกันแน่

แต่คนที่ไม่ใช่แฟนคลับและไม่ค่อยได้เล่นเกมแนวนี้ก็คงกรี๊ดไม่แพ้กัน ด้วยความหินของบอสพวกนี้ก็ทำเอาให้คนเล่นซีรียส์นี้มาพักใหญ่หลายๆ คนใช้เวลาไม่น้อยกว่าจะชินกับการต่อสู้กับพวกเค้า กว่าจะถึงจุดที่ไปถึงคืน 3 อย่างสม่ำเสมอก็ใช้เวลาหลายชั่วโมงอยู่ เพราะสิ่งที่ต่างจากการตี Night Boss กับบอสรูปแบบอื่นคือ ถ้าทั้งตี้ล้ม เกมมันจะจบทันทีนอกจากเสียว่ามีไอเทมชุบตัว

นกผีมันก็มา T_T

ความสนุกของบอสประจำคืน มันเริ่มก่อนที่จะมาถึงบอสอีก ไม่ว่าจะเป็นการที่เราเตรียมตัวพร้อมสำหรับกลางคืนรึยัง ได้แวะเก็บยาตีบวกอาวุธไหม เลเวลเท่าไหร่แล้วได้เลเวลอัพหรือยัง บางครั้งใครดวงซวยต้องรีบวิ่งมาเพราะโซนกำลังปิด ก็อาจจะทำให้รันที่เหมือนฟ้าประทานมาให้จบลงอย่างหมา ด้วยความตบแรงและโหดของพวกมันที่มาพร้อม moveset เต็มข้อ บอสเหล่านี้มันไม่ได้ใส่ไว้เล่นๆ จริง ด้วยความที่เราต้องคิดดีๆ ระหว่างการช่วยชุบเพื่อนที่อาจจะตกไปสองคน หรือต้องเชื่อมั่นในตัวเองแล้วพยายามจบไฟท์คนเดียว หรือการที่ต้องเค้นออกมาทุกอย่างเพื่อให้ผ่านคืนนี้ไปได้ แต่จะทำยังไงถ้าของแม่งหมดก่อนไปเจอ Nightlord ก็เป็น scenario ที่ทีมดีไซน์เกมได้คิดมาอย่างดี ทำออกมากดดันผู้เล่นได้ถึงพริกถึงขิงจริงๆ

ชนะแล้วก็ต้องโชว์เท่หน่อย

Nightlords Themselves

ปูมายาวขนาดนี้ ถึงเวลาที่จะพูดถึงพวก Nightlords ทั้ง 8 แล้ว

ทั้ง 8 ตัว โครตเวอร์วังอลังการงานสร้างมาก เป็นความตื่นตาตื่นใจที่สมกับที่ต้องเล่นมา 35 นาทีเพื่อมาเจอพวกเค้า ด้วยความเป็นบอสออริจินัลสำหรับภาคนี้ ทั้งหมดมูฟเซ็ทของพวกนี่เลยทำออกมาโดยคำนึงถึงการมีผู้เล่น 3 คน แต่ถ้าใครเล่นคนเดียวตัวเอไอของบอสจะ adapt ตามการเล่น Solo Play ถ้าใครอยากเล่นตัวคนเดียวไม่ต้องห่วงเน้อ แฟร์อยู่และได้รับการ Rebalance ตลอด

มันเป็นบททดสอบ knowledge test ที่แท้ทรู ตรงไหนเป็นจังหวะเปิด ตรงไหนเป็นจังหวะที่ต้องถอยห่างออกมา ตอนไหนเป็นเวลาที่เหมาะกับการชุบเพื่อน ไอเทมอะไรที่เราเอาด้วยที่จะบัฟตี้ได้ในจังหวะที่ถูก ซึ่งกว่าคนจะตบ Nightlord ตัวแรกตายกัน เท่าๆ ที่เก็บข้อมูลมา ก็ปากันไปเกือบ 8-10 ชั่วโมงกันแล้ว

ไอ้หมาบ้าาาาาา

เพราะว่า Nightlord มันต่างจากบอส Souls แบบ traditional ต้องการใช้ความใจเย็นของผู้เล่นพอตัว ด้วยความที่ HP ของทุกตัวมันค่อยข้างสูง ทุกคนต้องแม่นยำเรื่องจังหวะ

ซึ่งไอ้การเก็บไอเท็มในคืนอื่นๆ มันสำคัญตรงนี้แหละ ใครเล่นสายแคส เวทมนต์อย่างเดียว ก็ต้องหา passive ลดค่า taunt ทำให้บอสเน้นตัวอื่น หรือใครที่ไม่มั่นใจกับ mechanic บอสตัวไหน ก็สามารถพยายาม manipulate RNG บิวท์ DoT (พิษ) โดยการไปหาโลเคชั่นที่ดรอปอาวุธจำพวกนี้ได้ อีกอย่างคือ Nightlord ทุกตัวมีธาตุที่ตัวเองแพ้ การหาอาวุธที่เป็นธาตุเหล่านั้นอาจจะช่วยคุณได้อย่างมาก แต่ไม่ใช่ requirement ถ้ามันไม่เหมาะกับสไตล์การเล่นของคุณ ด้วยความที่เกมมันเอื้อให้กับการเล่นทุกแบบอยู่แล้ว

ดีไซน์ของ Nightlord และเพลงประกอบ ก็ถือว่ามาตรฐานของ FromSoftware มันแกรนด์มาก แล้วรู้สึกว่ามายิ่งใหญ่สมกับการกอบกู้โลกแท้ๆ ช่าจะติดรูปตัวแรกเพราะว่ามันอยู่ในทุกตัวอย่าง แค่ตัวแรกเป็นน้ำจิ้มก็โคตรเท่ขนาดนี้แล้ว ตัวอื่นๆ ก็สุดติ่งไม่แพ้กัน

ชนะแบ้ว

จุดน่าสังเกตุของการตี Nightlord อย่างหนึ่งคือการที่ arena ต่อสู้มันค่อนข้างเปิด ปัญหาที่เกมค่ายนี้เป็นบ่อยๆ อย่างเรื่องมุมกล้องกับบอสตัวใหญ่ มันหายไปโดยปริยาย แต่เอาจริงๆ ตัวเกมโดยรวมมีมุมกล้องที่ดีที่สุดในบรรดาเกมค่ายนี้แล้ว เล่นแล้วไม่มีโมเม้นต์ตายเพราะกล้องมันหมุนจนงง

Every Shifting Environment

นอกจากความสนุกแล้วความที่ Nightreign รู้สึกสดใหม่ตลอดก็คงไม่พ้นที่ตัวแมพในเกมมันมี events เปลี่ยนแมพไปเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าเกมจะมีแค่ Limveld แมพเดียว แต่ตัว Limveld มันจะเปลี่ยนตัวเองไปเรื่อยๆ บางครั้งมีโซนลาวาบ้าง บางครั้งไปๆ มาๆ กลายเป็นว่ามีภูเขาหิมะ หรือเล่นไปเล่นมา ตายห่า มีเมืองปราสาทยักษ์อยู่ดีๆ โผล่มา ในโลเคชั่นพวกนี้ก็จะมีปริศนาและ lore ซ่อนอยู่และยังมีของให้เก็บไปกระทืบบอสเพียบ!

อยู่ดีๆ ก็มีหิมะ?

นอกจากนั้นตัวเกมก็ยังมี event อื่นๆ ที่บอกเลยว่าต้องทำให้เปลี่ยนแผนการกลางรันแบบ ไม่ว่าจะอยู่ดีๆ เจอ Morgott the Omen King โผล่มาจากไหนไม่รู้มา Invade ปาร์ตี้ของเรา หรืออยู่ดีๆ มีแมลงขโมยเลเวลเรา ต้องวิ่งไปตามหาไล่ฆ่าเอาเลเวลคืน มีแม้กระทั่ง Double Boss ที่อยู่ดีๆ บอสกลางคืนโผล่มาอีกตัวรุม

ยืมภาพจาก GameRant นะ ลืมถ่ายไว้

ด้วยรวมแล้ว Random Events เหล่านี้เข้ามาทำให้แต่ละรันไม่น่าเบื่อจำเจ ถึงแม้บางครั้งจะร้องอ๊ากก็ตามเวลาเจออะไรแปลกๆ น่าปวดหัว ไม่อยากเล่าตรงนี้มากเพราะหลายอันมันเซอร์ไพร์สจริง ตอนเล่นครั้งแรกยังเจอ

ด้วยรวมแล้ว Random Events เหล่านี้เข้ามาทำให้แต่ละรันไม่น่าเบื่อจำเจ ถึงแม้บางครั้งจะร้องอ๊ากก็ตามเวลาเจออะไรแปลกๆ น่าปวดหัว ไม่อยากเล่าตรงนี้มากเพราะหลายอันมันเซอร์ไพร์สจริง ตอนเล่นครั้งแรกยังเจอ

UI/UX and the other things

สิ่งที่ FromSoftware ยังคงทำไม่ได้ดีก็หนีไม่พ้น UI/UX ต่างๆ ที่ทำออกมาได้น่าโมโห ความตลกของ Nightreign คือ ที่จริงแล้วตัวเกมมันมี QoL เยอะมากๆ ถึงแม้เล่นมา 70 ชั่วโมงแล้วก็ยังเจออะไรใหม่ๆ อยู่ มันเป็นเรื่องแย่เพราะสิ่งเหล่านี้ตัวเกมมันต้องอธิบายระเอียดกว่านี้และ “Intuitive” (รู้เองโดยสัญชาตญาณ) กว่านี้

้ด้วยความที่ต้อง "เร็ว" กับ UI ที่เหมือนหมดหลายๆ อย่าง บางครั้งก็จะงงๆ ว่ากดอะไรไปถึงจะได้หน้าที่อยากได้

ตัวอย่างง่ายๆ เลยคือการที่ช่ากดมั่วๆ ตอนอยู่ในเมนูเลือกตัวละครแล้วกดไปเจอ Relic Loadout Selection คือช่าเล่นมา 50 กว่าชั่วโมงแล้ว แต่พี่แกก็ไม่ได้คิดที่จะทำให้มันหาง่าย เจอง่ายกันเลย มันไม่ควรที่จะเป็นสิ่งที่คนเล่นเพิ่งมารู้ทีหลัง

ซึ่งตรงนี้มันไม่ได้แค่ลิมิตที่ฟีเจอร์ที่เป็น QoL แต่อะไรเล็กๆ ที่ไม่มีใน UI มันก็แปลกๆ อย่างเช่นสเกลของอาวุธที่ดูในรันไม่ได้ ต้องออกมาดูในเมนูข้างนอก ถ้าอยากรู้อะไรสเกล S สเกล D ต้องจำเอาเองเพราะมันไม่ได้อยู่ใน UI หรือการที่เกมซ่อน Weapon Type เป็นการตัดสินใจที่แปลกๆ

กลายเป็นว่าอยากรู้สเกลลิ่งต้องมานั่งจำ ซึ่งมันก็ไม่ค่อยอำนวยมาก

แต่มีหลายอย่างที่ช่าคิดว่า เกมไม่มีอะดีแล้ว อย่างเช่นระบบปิงแบบ Apex Legends เพราะตรงนี้บอกเลยว่ามันทำให้การวางแผนกับผู้เล่นทางบ้านมันง่ายขึ้น เพราะทุกคนต้อง Commit กับระบบโหวต ซึ่งถ้าผู้เล่นสองคนปิงที่เดียวกัน ปิงนั้นจะกลายเป็นปิงขาว เป็นระบบโหวตที่เคลียร์มากและสแปมไม่ได้เหมือนระบบปิงในเกมอื่นๆ

นอกจากนั้นการที่ไม่มี Text Chat หรือ Voice Chat เป็นสิ่งที่ช่าชอบมากๆ มันทำให้เกมไม่ Toxic และลดความหัวร้อนคนได้เยอะมาก คอมมูโซลในเกมปกติน่ารักกว่าในสังคมออนไลน์ตามโซเชียล ทุกคนจะใช้การกระโดดสื่อสารกันและใช้ Emote ต่างๆ คุยกัน การไม่มีระบบนี้ พอมันควบคู่กับการที่เกมไม่มีระบบยอมแพ้ที่มาพร้อมกับการออกแบบที่ให้โอกาสเรา Come Back เยอะมากในทุกรัน มันทำให้เกมนี้มันแทบจะไม่มีความ toxic เลยใน 70 ชั่วโมงที่เล่นมา ซึ่งช่าเล่นกับ random มากกว่า 35 ชั่วโมงโดยประมาณ

ถ้าเจอแต่คนน่ารัก 70 กว่าชั่วโมง ก็คงไม่ใช่แค่โชคแล้วละค่ะ :)

เอาจริงๆ ความสนุกของเกมนี้คือการเจอคนมากหมาย หลายคน หลายเพลย์สไตล์ไม่ซ้ำกัน มาแชร์ประสบการณ์ทั้งในเกมและนอกเกม ถึงแม้ส่วนหนึ่งมันจะเกิดมาจากการที่ FromSoft พลาดเรื่อง UI แต่หลายๆ อย่างในเกมเค้าจงใจให้พวกเราไปเจอและมาแชร์ความรู้ในการปราบบอสกัน ไม่ว่าจะเป็นบิวท์ ดาเมจชาร์ต ความลับที่ไปหาเจอได้หรือการพูดคุยถึง theory เนื้อเรื่องก็ตามแต่

สิ่งที่เกมนี้ได้มอบให้ช่าอีกอย่างคือเสียงหัวเราะได้ ช่าได้แชร์กับคู่หมั้นช่าและเพื่อนสนิทช่า ซึ่งเราสามคนชอบหาอะไรทำด้วยกันอาทิตย์ละครั้งกันอยู่แล้ว พอเกมนี้มาก็ยึดวันศุกร์แห่งชาติพวกเราสามคนไปซะอย่างงั้น ถึงแม้พวกเราจะชนะก็เยอะ แพ้ก็แยะ Nightreign ก็ยังเป็นเกมที่เราอยากเล่นกันอยู่ทุกอาทิตย์แถมยังเล่นกันนอกรอบอีกเป็นสิบรอบ ด้วยความที่ฟอร์แมตของมันเหมาะกับการเป็น activity ที่เล่นไปคุยเรื่องนู่นนี่นั่นและความที่มันเป็น Elden Ring ใน 40 นาที ช่ามั่นใจมากว่าช่ากับปาร์ตี้ช่าจะเล่นต่อกันอีกยาว

Tasha + Tasha's Bae + Tasha's Bestie = :D

Nightreign'd

Nightreign เป็นอีกความมหัศจรรย์ในวงการเกม มันเป็นเกมที่คนยิ่งเล่นยิ่งรัก จากตอนแรกมีคนบ่นบานว่านี่มันเป็นเกมเชี้ยอะไร มันเป็นเกมที่ใช้เวลาเกือบสองอาทิตย์กว่ามันจะคลิกกับทุกคนพร้อมกัน ไม่แปลกใจเลยที่รีวิวใน Steam มันไปจากแดงจนเหลืองจนตอนนี้มัน +80% ซะแล้ว

ซึ่งช่าก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าตัว UI บางอันและฟีเจอร์บางตัวมันเคลียร์กว่านี้ คนจะคลิกกับเกมนี้เร็วกว่านี้ไหม ช่าดีใจมากๆ ที่หลายๆ คนที่ได้เล่นและสัมผัสเกมนี้ รักเกมนี้เหมือนช่าและช่าก็อยากให้เพื่อนๆ ได้ลองเล่นเกมนี้กันดู

เล่นจนเก็บเสื้อจะครบแล้ว

การที่จะขอให้คนใช้เวลา 5-10 ชั่วโมงจนกว่าจะชอบเกมอะไรมันเป็นเรื่องยาก First Impress มันเป็นสิ่งสำคัญและช่าก็รู้ว่าเกมนี้มันอาจจะไม่ได้มี First Impression ที่ดีขนาดนั้น แต่ช่ายืนยันนอนยันเลยว่าถ้าชอบ Soulslike ถ้าชอบ Boss Rush และถ้าชอบเล่นกับคนรู้ใจ นี่มันเป็นเกม co-op น้ำดีอีเกมนึงเลย

อีกอย่างคือตอนนี้เกมมันเอื้อกับการเล่นคนเดียวเหมือนกัน ถ้าใครไม่ชอบเกม co-op ก็ไม่ต้องห่วง FromSoftware เอาฟีดแบ็คมาบาลานซ์ระบบ single-player เรื่อยๆ จนตอนนี้เป็นมีมไปแล้วว่าเล่นคนเดียวเผลอๆ ง่ายกว่าเล่นกลุ่ม

แล้ว Duo เมื่อไหร่จะมาละ FromSoftware!?

ช่ารักเกมบ้านี้มาก และมันเป็นเกม $40 (1190 บาท) จากค่ายใหญ่ที่เป็นการทดลองได้สะใจสุดๆ ในตลาดเกมที่นายทุนจ้องแต่จะเอาเงิน ยุบทีมเล็กๆ ปิดโปรเจคหลายๆ อัน ค่าย FromSoftware ให้ความเชื่อมั่นทีมเล็กๆ ทำเกมแหวกแนวจากปกติของค่าย มันเป็นสิ่งที่วงการนี้ต้องการ

ถ้าใครชอบ Soulslike แต่ไม่รู้ว่าเกมนี่จะโดนใจไหม บอกได้เต็มปากเลยว่ากดเหอะ

ชนะใสๆ หัวใจสามดวง


รีวิวอื่นๆ ของช่า

เพิ่งเล่นจบ #21: Squeakross: Home Squeak Home

"ใครอยากเป็นเศรษฐี? ฉันน่ะสิ! ฉันน่ะสิ! ใครอยากมีบ้านอยู่? ฉันน่ะสิ! ฉันน่ะสิ! ใครอยากเป็นหนู? ฉันน่ะสิ!!! ฉันน่ะสิ!!"

Tasha Strong
Tasha Strong

เพิ่งเล่นจบ #20: Monster Train 2

"Monster Train กลับมาแล้ว! เอาจริงๆ ภาคแรกเราก็เล่นไม่จบหรอก 555+ แต่กลับมาใหม่ ไฉไลกว่าเดิมเยอะ แฟน rougelike deckbuilder ไม่ควรพลาด"

Tasha Strong
Tasha Strong

รีวิวเพื่อนๆ

#มู่กิการละเกมส์: Kabuto Park

"เกม Cozy จับแมลงเพื่อไปแข่งขันที่จะทำให้คุณอมยิ้มและประทับใจไม่รู้ลืม"

MeltBul2N
MeltBul2N